สิ่งที่ควรรู้TZ (trainingzenter) เห็นหลายคนไม่ค่อยสนใจที่ปัดน้ำฝนสักเท่าไหร่ แต่เชื่อไหมค่ะว่าเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่สำคัญของรถยนต์แบบขาดไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนแบบนี้ และด้วยความไม่ได้คิดว่าสำคัญนี่แหละค่ะ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนจำเป็น เมื่อขับรถแล้วไปเจอฝนตก ยางที่ปัดน้ำฝนดันเสื่อมไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ใช้งานไม่ดี ทำให้ทัศนวิสัยแย่ และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเข้าไปอีก วันนี้พี่ TZ เลยว่าจะเม้าส์เรื่องราวของ ที่ปัดน้ำฝน ให้ฟังสักหน่อย…ตั้งแต่ วิธีดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน เมื่อไหร่ต้องเปลี่ยน และวิธีเลือกซื้อ

1. วิธีดูแลรักษาที่ปัดน้ำฝน
- หลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน
- หากต้องจอดตากแดด ไม่ต้องยกก้านขึ้น เพราะจะทำให้สปริงที่ก้านเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
- เติมน้ำที่ปัดน้ำฝน ให้อยู่ในระดับเต็มพอดีอยู่เสมอ
- ใช้น้ำสะอาดเติมเท่านั้น ไม่เติมน้ำยาลงในถังน้ำฉีดกระจก เพราะจะทำให้ยางและท่อเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดที่ปัดน้ำฝนไปในทางเดียวกัน สัปดาห์ละครั้ง
- ทำความสะอาดกระจกรถบ่อย ๆ
- หมั่นเปิดปุ่มฉีดน้ำบ้าง หากน้ำฉีดไม่ออก นำเข็มไปจิ้มที่รูฉีด เพราะอาจอุดตัน

2. เมื่อไหร่ต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน
- เมื่อยางปัดน้ำฝน เริ่มฝืด หรือสะดุด และมีเสียงดัง ขณะทำงาน
- เมื่อไม่สามารถปัดน้ำฝนได้เกลี้ยง รีดน้ำออกไม่หมด ยังเหลือมีคราบรอยน้ำเป็นเส้นยาวอยู่
- เมื่อยางปัดน้ำฝน มีรอยฉีก หรือแข็งกรอบ
- เมื่อพบว่ายางปัดเสื่อม ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะนอกจากจะทำให้ทัศนวิสัยไม่ดีแล้ว ยังทำให้กระจกหรือฟิล์มเป็นรอยด้วย

3. วิธีเลือกซื้อที่ปัดน้ำฝน
- เลือกยางปัดน้ำฝน ที่ใช้วัสดุและเนื้อยางที่มีคุณภาพดี ยืดหยุ่น เพื่อความคงทน
- รถยนต์แต่ละรุ่นใช้ยางปัดน้ำฝนขนาดต่างกัน ควรซื้อให้ถูกขนาดและรุ่น หรือวัดความยาวของอันเดิม ก่อนซื้อ
- รถบางคัน มีที่ปัดน้ำฝน 2 ก้าน แต่ละข้างอาจความยาวไม่เท่ากัน ควรวัดความยาวทั้ง 2 ข้าง
อ่านจบกันแล้ว เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงรู้ครบทุกเรื่องเกี่ยวกับที่ปัดน้ำฝน และพร้อมที่จะขับรถฝ่าฝนอย่างปลอดภัยแล้ว ก็อุ่นใจไปเปาะหนึ่ง แต่สิ่งที่เราอยากกำชับห้ามไม่ให้ทุกคน ลืมกันนั่นก็คือ คาดเข็มขัดทุกครั้งที่ใช้รถยนต์นะคะ
ขอบคุณที่มา : safeeducationthai